วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผู้พิชิตใจ นโปเลียน


ค่ะวันนี้เรามาพูดถึงความรักที่ของชายหนุ่มที่เก่งและโด่งดังโดยตกหลุ่มรักหญิงสาวแม่หม้ายคนหนึ่งที่เค้ารักจนหมดใจ แต่ก็น่าเสียดายที่เค้าทั้งสองคนกับได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอันน้อยนิด ... 


โจเซฟีน(บางคนเรียก โยเซฟีน) เดอ โบอาร์แน (Joséphine de Beauharnais) คือหญิงสาวที่นโปเลียนรักมากที่สุด เธอแต่งงานตั้งแต่วัยเยาว์เพราะบิดาต้องการเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่สามีถูกประหารชีวิตในการปฏิวัติฝรั่งเศส

หลังจากนั้นก็กลายเป็นภรรยาน้อยของผู้นำปฏิวัติฝรั่งเศส แต่เขาก็เบื่อและคิดจะเอาเพื่อนรักของเธอทำเมียน้อยแทน

นโปเลียนพบรักกับโจเซฟีนครั้งแรกเมื่อตอนที่โจเซฟีนส่งลูกชายซึ่งมีอายุเพียง 12 ปี เข้าเพื่อขอให้นโปเลียนคืนดาบของบิดาตนที่ตายลงในขณะเกิดกบฎ

โจเซฟีนเกิดที่เกาะมาตินีคเป็นเชื้อสายผู้ดี แม้จะไม่ค่อยสวย แต่ก็มีกิริยามารยาทสง่างาม มีเสน่ห์ เธอมีนิสัยเจ้าชู้และเป็นหญิงที่ชอบทำอะไรเอาใจตนเอง

หลังจากเหตุการณ์การขอคืนดาบ นโปเลียนไปเยี่ยมบ้านของเธอที่ตั้งอยู่นอกเมืองปารีสเสมอ ๆ จนกระทั่งนโปเลียนตกหลุมรักชนิดถอนตัวไม่ขึ้น

อีก 3 เดือนต่อมาทั้งคู่ได้ประกาศหมั้นและแต่งงาน ในตอนนั้นเขาเต็มใจที่จะยอมรับลูกทั้งสองของเธอมาเลี้ยงเธอจึงแต่งงานกับเขาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1796 ของขวัญวันแต่งงานที่เธอได้จากนโปเลียนคือ เหรียญทองที่สลักคำไว้ว่า "แด่ชะตากรรม"

ภายหลังการแต่งงาน นโปเลียนออกเดินทางเพื่อทำสงครามครั้งใหม่ในอิตาลี ด้วยความเก่งกล้าสามารถอันยอดเยี่ยมจนเป็นที่เลื่องลือกันอย่างใหญ่โตในยุโรป

แต่สิ่งที่น่าพิศวงคือ นโปเลียนเขียนจดหมายถึงโจเซฟีนทุกวัน และเป็นจดหมายที่วิเศษด้วย ข้อความคมคาย เร่าร้อน ทำให้อารมณ์อ่อนไหว

"โจเซฟีนที่รัก เธอทำให้ฉันซาบซ่านอยู่ด้วยความรักจนกระทั่งฉันกลายเป็น คนที่ไม่มีเหตุผล ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่เอาใจใส่เพื่อนฝูง ฉันไม่ใส่ใจ ต่อเกียรติศักดิ์ ฉันถือว่าชัยชนะเป็นสิ่งมีค่าเพราะทำให้เธอพึงพอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฉันจะทิ้งกองทหารของฉันและรีบกลับกรุงปารีสเพื่อโผคุกเข่า ณ แทบเท้าของเธอ เธอทำให้ฉันซาบซ่านด้วยความรักปราศจากขอบเขต เธอได้เข้ามาอยู่ในหัวใจฉันด้วยความมึนเมาอย่างไร้สติ ไม่เคยเลยแม้แต่สักชั่วโมงเดียวที่ฉันมิได้มองดูภาพเขียนของเธอ และไม่เคยเลยแม้แต่สักชั่วโมงเดียวที่ฉันมิได้หลั่งจูบลงที่ภาพนี้"

นั่นคือข้อความของหนึ่งในจดหมายที่นโปเลียนเขียนถึงโจเซฟีนทุกวัน

สาวใดได้รับจดหมายรักที่มีถ้อยคำหวานล้ำขนาดนี้คงรักผู้ที่เขียนจดหมายอย่างถวายชีวิต โดยเฉพาะผู้เขียนคือนโปเลียนผู้กำลังโด่งดัง

แต่เปล่าโจเซฟีนกลับไม่สนใจอะไรนัก กลับไปทำเจ้าชู้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง และเธอไม่ได้ตอบจดหมายของนโปเลียนเลย นั่นทำให้นโปเลียนแทบคุ้มคลั่ง

โดยเฉพาะนายทหารหนุ่มที่ชื่อ อีปอลิต ชาร์ล ซึ่งอายุน้อยกว่าถึง 10 ปี เธอลุ่มหลงเขามากเมื่อหมดทางเลี่ยงเธอจึงต้องจำใจไปมิลานโดยไม่ลืมที่จะเอาอีปอลิตของเธอไปด้วย

จนในที่สุดนโปเลียนก็รู้เรื่องนี้ ในตอนแรกนโปเลียนเองก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อกลับมาที่บ้านในมิลานก็พบว่าเธอเดินทางไปเจนัวพร้อมกับอีปอลิต

เมื่อโจเซฟีนกลับมาจากเจนัวก็ปฏิเสธ แต่นโปเลียนไม่เชื่อและอาละวาด หลังจากนั้นเธอก็เริ่มตระหนักว่านโปเลียนรักเธอมากเพียงใด และชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรถ้าขาดเขา จากนั้นเองเธอจึงเริ่มมีใจให้กับนโปเลียน

ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่ได้ก่อเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาอีกเลย แต่นโปเลียนเริ่มไม่วางใจในตัวเธออีกต่อไป เขามอบความเย็นชาให้กับเธอ และไม่นานนโปเลียนก็หันไปหาผู้หญิงอื่นที่พร้อมจะเป็นคุณนายโบนาปาร์ตกันทั้งสิ้น

เธอมอบความรักให้มากขึ้นเท่าที่เขาจะทวีความเย็นชาต่อเธอ เมื่อนโปเลียนได้ตำแหน่งกงสุลใหญ่ อีกสี่ปีต่อมาเขาก็ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งฝรั่งเศส และสวมมงกุฎพระจักรพรรดินีให้

หลังจากสงคราม ถึงแม้ว่าน้องสาวของนโปเลียนจะไม่ถูกกับโจเซฟีนจนเรียกโจเซฟีนว่า "อีแก่" และยุนโปเลียนให้หย่ากับ "เมียแก่อ้วนตุตะ" แล้วไปหาเมียสาวๆกว่านั้น แต่คำยุไม่สามารถทำลายความรักของนโปเลียนที่มีต่อโจเซฟีนได้

แต่ด้วยเพราะโจเซฟีนไม่สามารถกำเนิดลูกให้แก่นโปเลียน นโปเลียนจึงตกลงใจที่หย่าร้างกับเธอ การหย่าจากโจเซฟีนทำให้หัวใจเขาเจ็บปวดแทบจะแตกสลาย

ขณะที่เขาเซ็นหนังสือหย่าเขาถึงกับร้องไห้ นั่งจมอยู่ในพระราชวัง เซื่องซึม และปฏิเสธที่จะพบใคร ๆ

หลังจากนั้นโจเซฟีนก็ย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์มาลเมซอง เพื่อเปิดทางให้พระจักรพรรดินีพระองค์ใหม่ ซึ่งต่อมาพระนางก็ให้กำเนิดพระโอรสคือสมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 2 แห่งฝรั่งเศส นั่นเอง 

โจเซฟีนใช้เวลาให้ผ่านไปกับการทำสวนดอกไม้ ซึ่งโดยเฉพาะกุหลาบที่ชอบมากที่สุด จนสวนดอกไม้ของเธอเป็นสวนที่สวยที่สุดในปารีส นโปเลียนจะมาเยี่ยมและสนทนารวมทั้งปรึกษาเรื่องต่าง ๆ เสมอ

ถึงแม้หลังการหย่า นโปเลียนจะไปแต่งงานกับเจ้าหญิงมารีหลุยส์แห่งออสเตรีย แต่ชีวิตการสมรสเต็มไปด้วยความเกลียดชังจากเจ้าหญิง และเมื่อเขาเริ่มแพ้สงคราม เจ้าหญิงก็ทิ้งเขาไป

ในขณะที่โจเซฟีนอายุ 51 ปี เธอก็เสียชีวิต (คาดว่าน่าจะเป็นปอดบวม) ขณะกำลังเดินเล่นในสวนที่หนาวเย็นในเสื้อผ้าที่บางเบา

เมื่อนโปเลียนทราบข่าวถึงกับขังตัวเองไว้ในห้องถึง 3 วัน เมื่อนโปเลียนหลบหนีออกจากเกาะเอลบามาได้เขาก็เดินทางไปยังคฤหาสน์มาลเมซอง

ในสมัยที่โจเซฟีนยังมีชีวิตอยู่เธอชอบกลิ่นของดอกไวโอเลตมาก เธอจะพรมตัวด้วยกลิ่นของดอกไวโอเลตอยู่เป็นประจำ

เมื่อนโปเลียนไปที่คฤหาสน์ก็นำดอกไวโอเลตไปใส่ล็อกเกต และเก็บล็อกเกตนี้ไว้จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขา

คำพูดสุดท้ายของเขาคือ "...ฝรั่งเศส...กองทัพ...แม่ทัพ...โจเซฟีน..." นั่นเป็นหลักฐานว่านโปเลียนรักโจเซฟีนมาก เพียงแต่ไม่มีเวลาที่จะอยู่ร่วมกันเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น